@ Anji @

@ Anji @
is me

2.7.11

มารยาชายย


วันสตรีหลงกล กับร้อยเล่ห์มารยาชายลวง..!!

วันสตรีสากล หรือวันสตรีหลงกลในทัศนะของชายหนุ่มบางคน มีข้อเตือนสติถึงผู้ชายหลายร้อยเล่มเกวียน ที่พึงต้องระมัดระวัง ดังนี้

ต่อ ไปนี้เป็นคำสารบาปของผู้ชายบางคน บอกเล่าประสบการณ์ที่คุณผู้หญิงพึงสดับ รับฟังไว้ เป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินว่า ชายหนุ่มของคุณกำลังจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ? หากมิได้อ่านฉลากคำเตือนก่อนที่จะตัดสินใจตั้งแต่แรกที่ตกหลุมรักเขา

เขาบอกว่า วิธีการสลัดรักหญิงสาว ที่แต่เดิม เคยสวยสะดุดตา ชนิดไม่ได้ ไม่ได้แล้ว แต่ครั้นจีบติดสมปรารถนา เริ่มไม่เข้าใจ และประสงค์ที่จะตีตัวออกห่าง เพื่อเปิดโอกาสให้สาวเจ้าได้พบชายคนใหม่ที่หล่อ รวย ฉลาด แสนรู้ และสดใสซาบซ่ากว่า มีอยู่ ๕ วิธีดังนี้

๑.แสดงอารมณ์ขุ่นมัวเป็นนิจ

ไม่ ว่าจะเกิดภาวะตึงเครียด มีปัญหาชีวิตให้ขบคิดหรือไม่ก็ตาม เขาจะแสดงอารมณ์หงุดหงิด ตาขวาง น้ำลายไหลยืด อารมณ์นี้จะคงที่ไม่ขาดตอน เขาจะเริ่มมีปฎิกริยาฉุนเฉียว กับทุกถ้อยคำของคุณที่เคยชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ไม่เกิน ๓ วันเป็นระยะหวังผล เพราะเขาเชื่อว่าคงไม่มีใครทนอยู่กับหมาบ้าได้นานขนาดนั้น

๒.แค้นสิบปั ไม่มีวันสาย

ปกติอารมณ์ที่แสดงออกถึงความไม่พึงพอใจ ไมได้ดั่งใจของหญิงสาว เขาออกแบบมาไว้ให้ฝ่ายชายตามมาง้องอน การง้องอนเป็นเครื่องมือปรุงรสรักชนิดหนึ่ง แต่ถ้าวันใดเกิดทุ่มเถียงทะเลาะกัน แม้แต่เรื่องขี้ผง เขาจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ครั้นหญิงสาวเกิดอาการงอน เขาจะเฉยๆซะงั้น ไม่ใส่ใจใยดีชีวิตทางโลก ด้วยความเชื่อว่าคุณโกรธได้ ก็หายได้เอง หนักเข้าคุณก็จะเซ็งชีวิต เริ่มคิดออกไปค้นหาชายหนุ่มข้างนอก ที่ยังง้อผู้หญิงเป็นบ้าง

๓.หึงหฤโหด เรียกพี่

ความหึงและความหวง เป็นอาการของผู้ชาย ที่อาจจะสื่อว่าผู้หญิงของเขามีค่า มีความหมาย ประมาณว่า ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ แต่ความหึงที่แยกตัวออกจากความหวง คืออาการที่แสดงถึงความไม่ไว้วางใจกัน ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายของความรักและชีวิตคู่ เพราะนั่นอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่เลวร้าย ชนิดแค้นต้องฆ่า ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชายหนุ่มขาดสติหลายราย เจริญรอยตามวิธีการของหมอเสริม สาครราษฎร์ แต่อีกด้านหนึ่งอาการหวาดระแวงตลอดเวลา ก็อาจนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการสลัดรักหญิงสาวได้ โดยวิธีการโทรกระหน่ำ ตามเช็คทุกย่างก้าว ใครจะทนอยู่ในบรรยากาศหึงหฤโหดนี้ได้ ก็ให้มันรู้ไป หรือคุณทนได้ ?

๔.ยิ่งขม ยิ่งพันพัว

วิธีการหนึ่ง ที่คนรักกัน จะเติมเต็มความรู้สึกให้แก่กันมิให้ขาดพร่อง หลังจากที่ใช้ชีวิตคู่จำเจอยู่ด้วยกันมาเนิ่นนาน คือให้โอกาสต่างฝ่ายต่างได้อยู่ลำพังบ้าง ทำนองว่าวันใดที่ขาดเธอ ถึงรู้ว่าเธอสำคัญเพียงใด ถ้าเขาประสงค์ที่จะเลิกรัก เขากลับจะอดทนอยู่กับคุณ คลุกคลีตีโมงกันอยู่อย่างนั้นทั้งวัน ทั้งคืน เห็นหน้ากันมากขึ้น พูดคุยกันมากขึ้น มีปากเสียงกันมากขึ้น และแน่นอนเบื่อหน้ากันมากขึ้น ถ้าความรู้สึกนี้สั่งสมมากพอ มันจะสุกงอมจนกระทั่งตายคาต้น แล้วเขาก็ไป

๕.หายไปจากโลก

การหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ไม่ได้ถูกอุ้มหายไป เสมือนเขาไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว เป็นวิธีการอันแยบยลวิธีหนึ่งของเขา เขาจะปิดช่องทางการสื่อสารทุกชนิด มือถือ โทรศัพท์ที่ทำงาน ที่บ้าน จนกระทั่งคุณถอดใจที่จะติดตาม และเปลี่ยนมาเป็นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แทน เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ใช้ได้ผล ถ้าเขาแน่ใจว่าการหายตัวไป เป็นเพียงเรื่องสมมติจริงๆ หาใช่ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มีไม่

นี่คือสัญญาณอันตราย หรือสัญญาณที่ดีสำหรับคุณผู้หญิงที่ปรารถนาจะตัดสัมพันธ์อยู่แล้ว เรียกว่า "เข้าทาง" ตัดหางปล่อยวัดไปเลย

1.7.11

10 เทคนิคป้องกันภัยออฟฟิศซินโดรม (Slim Up)


10 เทคนิคป้องกันภัยออฟฟิศซินโดรม (Slim Up)

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ในตอนเช้าไม่ค่อยได้รับวิตามินดีจากแสงแดดสักเท่าไหร่ แล้วไหนจะออกจากออฟฟิศหลังพระอาทิตย์ตกดินอีก ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ แต่ในห้องปรับอากาศหรือแม้ช่วงเที่ยงยังนั่งทางกลางวันที่โต๊ะทำงานอีก โปรดระวังสักนิดเพราะคุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นออฟฟิศซินโครมอย่างมาก และถ้าหากคุณมีอาการจำพวกนี้ควบคู่ไปด้วยล่ะก็ คุณกำลังเสี่ยงต่อโรคนี้อย่างแน่นอน

กระดูก ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดข้อมือและข้อนิ้วมือ หมอนรองกระดูกเคลื่อน

ดวงตา ปวดตา เคืองตา ดุนตา ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน ตาแห้ง น้ำตาไหล ตากระตุก

สมอง ปวดศีรษะ สมองตื้อ มึนงง

หากคุณกำลังมีลักษณะของอาการเช่นนี้อย่าได้ชะล่าใจเป็นอันขาด เพราะอาการเหล่านี้มักเป็นสัญญาณร้ายของโรคที่มนุษย์ออฟฟิศต้องเผชิญกัน อย่างถ้วนหน้า แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ไขซะเลย การออกกำลังกาย ก็เป็นสิ่งไม่ควรละเลย แนะนำว่าหลังตื่นนอนยืดกล้ามเนื้อหลังช่วงล่าง โดยนอนคว่ำแล้วพยายามยืดร่างกายบริเวณหลัง เกร็งไว้สักครู่

สำหรับผู้ที่อยู่ในอิริยาบถเดิมนาน ๆ เพื่อใช้คอมพิวเตอร์ หรือหนีบหูคุยโทรศัพท์ อาจมีอาการดึงบริเวณไหล่ ต้นคอ หลัง จึงควรยืดกล้ามเนื้อด้วยการใช้มือจับ ศีรษะ จากนั้นค่อย ๆ ต้นศีรษะกับฝ่ามือในทิศทางที่สวนทางกัน ทำสลับทั้งด้านซ้าย-ขวา, หน้า-หลัง ถ้ามีอาการเหนื่อยล้าจากการนั่งหรืออยู่ในท่าทางเดิมนานๆ ให้บริหารท่าแอ่นหน้าอกและแอ่นหลัง ยืดแขนออกจนสุดโดยให้ข้อมืออยู่ในระดับเอว จะช่วยยืดกล้ามเนื้อให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น และที่สำคัญกับทิปส์ง่ายๆ ที่นำมาฝากกันดังต่อไปนี้

1. นั่งทำงานและใช้คอมพิวเตอร์อย่างปลอดภัย

• นั่งเล่นตรงแนบติดกับเก้าอี้ ลำตัวเป็นมุมฉากกับขาช่วงบน เท้าทั้งสองวางแนบกับพื้นพอดี

• จอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ห่างจากระดับสายตาพอดี มือ แขนช่วงล่าง และคีย์บอร์ดอยู่แนวระนาบเดียวกัน ปล่อยไหล่เป็นธรรมชาติขณะพิมพ์งาน

• ระยะห่างของสายตาและหน้าจอประมาณ 2 ฟุต ปรับความสว่างหน้าจอให้เท่ากับความสว่างจากด้านนอก อย่าให้มีแสงจ้าเข้าทางข้างหลัง ผู้ใช้งาน และพักสายตาบ่อย ๆ

2. ท่ายืน ไม่ยืนลงน้ำหนักบนข้างเดียว หรือยืนแอ่น/หลังค่อม

3. ท่านอน ไม่นอนขดตัวหรือนอนตะแคงนาน ๆ โดยไม่มีหมอนข้างช่วย

4. รองเท้า ไม่ควรใส่ส้นสูงเกินครึ่งนิ้ว หรือเมื่อมีความจำเป็นควรถอดออกบ้างและนวดที่ปลายเท้าเบา ๆ ในลักษณะของการคลึงจากปลายเท้าเข้าสู่ปลายนิ้ว

5. กระเป๋า ไม่ควรสะพายกระเป๋าหนักในข้างเดียวเป็นระยะเวลานานๆ ควรเปลี่ยนด้านสะพายบ้างเพื่อให้หัวไหล่ได้ปรับความสมดุลและไม่ควรหิ้วของ หนักโดยทิ้งน้ำหนักลงไปที่นิ้วอย่างเดียว

6. สายตา ไม่เล่นเกม หรือทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ไม่อยู่กลางแดดจ้าหรือในที่ที่มีฝุ่น-ลมมากเกินไป

7. ออกกำลังกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที หรือพยายามยืดแขนขาบิดตัวบ้างในขณะทำงานเพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อยืดตัวจนเกิน ไป

8. พักผ่อน พักและบริหารสายตาด้วยการกระพริบตาถี่ ๆ 10 ครั้งทุก 30 นาทีที่ใช้คอมพิวเตอร์ กำหนดลมหายใจออกเป็นช่วงๆ เพื่อปรับออกซิเจนเข้าสู่สมอง

9. อาหาร ใน 1 วันพยายามทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานอาหารให้หลากหลายขึ้น หรือทานวิตามินบำรุงควบคู่ไปด้วยยิ่งดี

10. สร้างบรรยากาศ ควรติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ และจะดียิ่งขึ้นถ้ามีตู้ปลาขนาดใหญ่ ๆ สักตู้ เพื่อช่วยคืนสมดุลความขึ้นที่เสียไปกับเครื่องปรับอากาศ

จากการสำรวจพนักงานออฟฟิศในประเทศฝั่งยุโรปพบว่าส่วนใหญ่ต้องปรึกษาแพทย์ ด้วยอาการต่างๆ โดยอันดับหนึ่งคือ การปวดหลัง รองลงมามีอาการปวดบริเวณคอ/ไหล่ และปวดศีรษะตามลำดับ ซึ่งเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับภาวะออฟฟิศ ชินโดรม นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนทำงานอายุระหว่าง 16-24 ปี มีความเสี่ยงของการเกิดภาวะดังกล่าวสูงถึงร้อยละ 55 เนื่องจากต้องทำงานหนัก ประกอบอิริยาบถในการทำงานไม่เหมาะสม ทั้งนั่งหลังต่อม การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ สูงกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ

นอกจากนี้ปัญหาความเครียดก็ส่งผลต่อการเกิดภาวะนี้ด้วย โดยพบสูงถึงร้อยละ 80 สำหรับประเทศไทย เคยสำรวจในคนทำงานที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งจำนวน 400 คนพบว่าร้อยละ 60 มีภาวะดังกล่าว

เหงา


เหงา (ใยไหม)

"เหงา...เพราะไม่มีใคร ไม่ทรมานเท่ากับใคร แต่หัวใจเราไม่ต้องการ"

คง จะมีบ้าง ในบางช่วงของชีวิต ที่เรารู้สึกว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าที่มันควรจะเป็น การอยู่คนเดียว ทำให้หัวใจเป็นทุกข์ และร่ำร้องอยากมีใครสักคน ในนาทีนี้...สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือ ความรู้สึก "เหงา" ในช่วงที่ยังไม่มีใคร เวลาเห็นคนนั้นคนไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เราก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเรามีแฟนนะ เราคงจะไม่ต้องทำอะไรคนเดียวแบบนี้ หัวใจเราคงรู้สึกอบอุ่น และไม่ต้องทนเหงาอย่างที่กำลังเป็นอยู่

ในช่วงชีวิตโสด บ่อยไปที่ฉันต้องดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว แม้พยายามจะไม่คิดอะไร แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้เหมือนกัน ทั้งที่เวลาใคร ๆ บอกว่าเหงา ฉันก็พร้อมจะไปอยู่เคียงข้างเสมอ แต่ทำไมพอเราเหงาบ้าง ถึงมองไปไม่เห็นใครสักคน รายชื่อเพื่อนในมือถือมีมากมาย แต่ไม่รู้จะโทร.หาใคร พออยากมีแฟนมากเข้า ก็เริ่มคิดหาทางจะไปหาแฟนตามเว็บหาคู่ เริ่มอยากลองดันทุรังหาคนมาแก้เหงาสักคน จนกลายเป็นฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่

แต่ จากประสบการณ์ของตัวเอง ฉันได้เรียนรู้ความจริงมาอย่างหนึ่งว่า แม้ว่าการอยู่โดยไม่มีแฟน จะทำให้เราเหงาง่ายกว่าปกติ แต่การเหงาเพราะไม่มีใคร...ก็ทรมานเท่ากับการมีใคร แต่หัวใจเราไม่ได้ต้องการ เพราะฉะนั้น ต่อให้วันนี้เราไม่สามารถอัพสเตตัสในเฟซบุ๊กได้ว่า กำลังคบหาดูใจกับใคร ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันได้เลยว่า นับจากนี้เราจะไม่ต้องพิมพ์ข้อความบ่นว่า "เหงา" ลงบนเฟซบุ๊กอีกแล้ว เพราะบางทีเราอาจต้องพิมพ์คำนั้นบ่อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ฉัน มีรถคนแรกในชีวิตเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่จะตัดใจซื้อรถ ฉันคิดเพียงแค่ว่า ถ้ามีรถฉันคงสบายขึ้นเวลาไปไหนมาไหน คิดว่าจากนี้คงไม่ต้องกังวล เวลากลับบ้านดึก ๆ อีกต่อไปแล้ว แต่พอมีรถเข้าจริง ๆ ฉันก็ได้เรียนรู้เพิ่มมาว่า เวลาไปไหนมาไหน ฉันสบายขึ้นก็จริง เวลากลับบ้านดึก ๆ ก็ไม่ต้องกังวลแล้วจริง ๆ

แต่ฉันมีภาระหน้าที่เพิ่มมากขึ้น ในการต้องหาเงินมาจ่ายค่าน้ำมัน ต้องใส่ใจดูแลรถ คอยเปลี่ยนอะไหล่ คอยเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง จนบางทีก็ท้อ เพราะต้องควักกระเป๋าทีเป็นพัน ๆ เป็นหมื่น ๆ บาท แต่พอฉันเอาไปบ่นให้พี่คนหนึ่งฟัง พี่คนนั้นกลับบอกฉันมาว่า...ถูกแล้ว ที่แกต้องดูแลรถให้ดี เพราะรถคนนี้แหละที่ดูแลแกให้สบายขึ้น เวลาไปไหนต่อไหน

จริงอย่างที่พี่ฉันบอกนะ...บ่อยครั้งที่เราอยากได้ อยากมีอะไรสักอย่าง โดยคิดถึงแต่สิ่งดี ๆ ที่เราจะได้มา และลืมมองไปว่า เราต้องให้อะไรไปบ้าง เช่นเดียวกับความรัก หลายครั้งเราอาจคิดแค่ว่า ถ้าหากมีคนรักเราจะได้คนมาดูแล มาแก้เหงา มาอยู่ใกล้ ๆ มาเทคแคร์และคอยโทร.หา แต่เราลืมคิดไปว่า อีกฝ่ายก็ต้องการการดูแลเทคแคร์จากเราไม่น้อยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ที่ทำให้เราอยากมีแฟน สิ่งที่สำคัญที่สุดและจะขาดไม่ได้เด็ดขาดก็คือ "ความรัก" และ "ความเอาใจใส่"

ก่อนที่ จะตกลงคบใครเป็นแฟน ลองถามตัวเองดูก่อนดีไหมว่า เรารักเขามากพอที่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขาหรือเปล่า เราพร้อมที่จะดูแลเขา...เหมือนที่เราอยากให้เขาดูแลเราไหม

การ ที่เรายังไม่มีใคร อาจจะทำให้เราทรมานกับความเหงา แต่ถ้าเราเลือกเอาคนที่ไม่ใช่มาเป็นแฟน สิ่งที่เราจะได้มา ก็คือความอึดอัด ทรมาน ที่ต้องดูแลเทคแคร์คนที่เราไม่ได้รัก และสุดท้าย การที่เราต้องอยู่กับคนที่ใจไม่ต้องการ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการที่เรานั่งอยู่ในงานปาร์ตี้ใหญ่ ๆ ที่มีคนมากมาย แต่ในหัวใจเรากลวง ว่างเปล่า และยังเหงาเหมือนเดิมอยู่ดี

จากหนังสือเรื่อง "การเดินทางของส่วนที่หาย" เจ้า Missing Piece เป็นชิ้นส่วนชิ้นหนึ่ง รูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ตลอดเวลา เจ้า Missing Piece รอคอยให้มีใครสักคน พามันกลิ้งไปไหนมาไหนได้ แต่ในที่สุดคนเขียนก็บอกว่า...ไม่มีชิ้นส่วนไหนเลยที่เหมาะสมกับเจ้า Missing Piece สิ่งที่เจ้า Missing Piece ควรทำก็คือ พยายามกลิ้งไปให้ได้ด้วยตัวเอง จากชิ้นส่วนเล็ก ๆ รูปสามเหลี่ยม เจ้า Missing Piece ค่อย ๆ ผลักตัวเองให้กลิ้งไปข้างหน้าอย่างยากลำบากไปเรื่อย ๆ จนที่สุดรอยเหลี่ยมของมันก็หายไป เจ้า Missing Piece กลายเป็นก้อนกลม ๆ ที่กลิ้งไปข้างหน้าได้ด้วยตัวของมันเอง และในตอนสุดท้ายมันก็ได้พบกับบิ๊กโอ ชิ้นส่วนรูปทรงกลมที่พร้อมจะกลิ้งเคียงข้างไปกับมันตลอดไป...

ทุกครั้งที่ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบ...ฉันมักจะมองดูตัวเองเสมอ เจ้า Missing Piece ทำให้ฉันเข้าใจว่า ไม่ว่าเราจะสุขหรือเศร้าแค่ไหน คนที่จะทำให้เราเข้มแข็ง และเดินไปข้างหน้าได้ ก็มีเพียงตัวเราเอง ที่จะก้าวไปด้วยขาของตัวเองเท่านั้น

เมื่อ ความเหงาเกิดขึ้นที่หัวใจ คนที่จะจัดการให้มันหายไปได้ ก็ควรจะเป็นตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องพยายามหาใครสักคนมาแก้เหงาหรอก เพราะเอาเข้าจริง ๆ แล้ว...การทำให้หัวใจเข้มแข็งต่อความเหงา อาจจะง่ายกว่าการหลับหูหลับตาหา "ใครสักคนมาแก้เหงา" แต่ไม่ใช่ "ตัวจริง"
Powered By Blogger