@ Anji @

@ Anji @
is me

23.8.11

ทัศนคติการทำงานของชาวต่างชาติที่มีต่อคนไทย

ทัศนคติต่อการเปลี่ยนแปลง
คนไทยมักจะยึดติดกับความเคยชินแบบเดิมๆ เคยทำมา
อย่างไรก็จะทำ อยู่อย่างนั้น ไม่ค่อยมีความคิดที่จะ
เปลี่ยนแปลง และถ้าฝรั่งเอาวิธีใหม่ๆ เข้ามาทำให้พวกเขา
ต้องทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม ก็จะถูกมองว่าเป็นการสร้าง
ความรำคาญให้พวกเขา มักจะไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ
อย่างเต็มที่หรือไม่ก็ถึงกับถูกต่อต้านก็มี
เจฟฟรีย์ บาร์น



การโต้แย้ง
เมื่อมีการเจรจา คนไทยจะไม่กล้าโต้แย้งทั้งๆ ที่ตัวเอง
กำลังเสียเปรียบ ส่วนใหญ่มักจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคน
คุมเกม บางคนบอกว่ามีนิสัยอย่างนี้เรียกว่า “ขี้เกรงใจ”
แต่สำหรับฝรั่งแล้ว นิสัยนี้จะทำให้คนไทยไม่ก้าวหน้า
เท่าที่ควร
ทานากะ โรบิน (จูเนียร์) ฟูจฮาระ



ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด
เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของคนไทยคือ มักจะไม่ค่อย
กล้าบอกความคิดของตัวเองออกมาทั้งๆ ที่คนไทยก็มี
ความคิดดีไม่ไม่แพ้ฝรั่งเลย แต่มักจะเก็บความสามารถ
ไว้ ไม่บอกออกมาให้เจ้านายได้รู้ และจะไม่กล้าตั้ง
คำถาม บางทีฝรั่งก็คิดว่าคนไทยรู้แล้วเลยไม่บอกเพราะ
เห็นว่าไม่ถามอะไร ทำให้ทำงานกันไปคนละเป้าหมาย
หรือทำงานไม่สำเร็จ เพราะคนที่รับคำสั่งไม่รู้ว่าถูกสั่งให้
ทำอะไร
ไมเคิล วิดฟิล์ค




ความรับผิดชอบ
1. ฝรั่งมองว่าคนไทยเรามักทำไม่ค่อยกำหนดระยะเวลา
ในการทำงานไว้ล่วงหน้า ทั้งๆ ที่งานบางชิ้นต้องทำให้
เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ยิ่งงานไหนให้เวลาใน
การทำงานนานก็จะยิ่งทิ้งไว้ทำตอนใกล้ๆ จะถึงกำหนด
ส่ง เลยทำงานออกมาแบบรีบๆ ไม่ได้ผลงานดีเท่าที่
ควร
2. ไม่ค่อยยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร
ถ้าให้เซ็นชื่อรับผิดชอบงานที่ทำคนไทยจะกลัวขึ้นมา
ทันที เหมือนกับกลัวจะทำไม่ได้ หรือกลัวจะถูกหลอก
สเตฟานี จอห์นสัน




วิธีแก้ไขปัญหา
คนไทยไม่ค่อยมีแผนการรองรับเวลาเกิดปัญหา แต่จะรอให้
เกิดก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ไปแบบเฉพาะหน้า หลายครั้งที่
ฝรั่งพบว่าคนไทยไม่รู้จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรต้องรอให้
เจ้านายสั่งลงมาก่อนแล้วค่อยทำตามถ้านายเจ้านายไม่อยู่
ทุกคนก็จะประสาทเสียไปหมด
ดร.มาเรีย โรเซนเบิร์ก



บอกแต่ข่าวดี
คนไทยมีความเคยชินในการแจ้งข่าวที่แปลกมาก คือ
1. จะไม่กล้าบอกผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติเมื่อเกิดปัญหา
ขึ้น จนกระทั่งบานปลายไปเกินแก้ไขได้จึงค่อยเข้ามา
ปรึกษา
2. จะเลือกบอกแต่สิ่งที่คิดว่าเจ้านายจะชอบ เช่น บอกแต่
ข่าวดีๆ แทนที่จะเล่าไปตามความจริงหรือถ้าหาก
เจ้านายถามว่า จะทำงานเสร็จทันเวลาไหม ก็จะบอกว่า
ทัน (เพราะรู้ว่านายอยากได้ยินแบบนี้) แต่ก็ไม่เคยทำ
ทันตามเวลาที่รับปากเลย
โจนาธาน ธอมพ์สัน



คำว่า “ไม่เป็นไร”
เป็นคำพูดที่ติดปากคนไทยทุกคน ทำให้เวลามีปัญหา ก็
จะไม่มีใครรับผิดชอบ และจะไม่ค่อยหาตัวคนทำผิดด้วย
เพราะเกรงใจกัน แต่จะใช้คำว่า “ไม่เป็นไร” มาแก้ปัญหา
แทน
เจนิส อิกนาโรห



ทักษะในการทำงาน
1. ไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ ถ้าทำงานเป็นทีม
มักมีปัญหาเรื่องการกินแรงกันบางคนขยันแต่บางคน
ไม่ทำอะไรเลย บางทีก็มีการขัดแย้งกันเองในทีม หรือ
เกี่ยงงานกันจนผลงานไม่คืบหน้า
2. ไม่ค่อยมีทักษะในการทำงาน แม้จะผ่านการศึกษาใน
ระดับสูงมาแล้ว และไม่ค่อยใช้ความพยายามอย่างเต็ม
ทีเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด
3. พ นั ก ง า น ช า ว ไ ท ย ที่ รู้ จั ก ส่ ว น ใ ห ญ่ ไ ม่ ค่ อ ย รู้ สึ ก
กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวของ
โลกเท่าไรนัก แล้วไม่ค่อยชอบหาความรู้เพิ่มเติมแม้จะ
เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานก็ตาม
เดวิด กิลเบิร์ก




ความซื่อสัตย์
พนักงานคนไทยควรจะมีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา
มากกว่านี้ หลายครั้งที่ชอบโกหกในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เช่น มาสาย ขาดงานโดยอ้างว่าป่วย ออกไปข้างนอกใน
เวลางาน
เฮเบิร์ก โอ ลิสส์



ระบบพวกพ้อง
คนไทยมักจะนำเพื่อนฝูงมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเสมอ ผม
ไม่เคยชอบวิธีนี้เลย ตัวอย่างเช่น การจัดซื้อข้าวของ
ภายในสำนักงาน พวกเขามักจะแนะนำเพื่อนๆ มาก่อน
โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่บริษัทควรจะได้รับ นี่เป็น
ประสบการณ์จริงที่ประสบมา การให้ความช่วยเหลือเพื่อน
ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของ
บริษัทเลยเป็นอะไรที่แย่มาก และเมื่อพบว่าเพื่อน
พนักงานด้วยกันทุจริต คนไทยก็จะช่วยกันปกป้อง และ
ทำไม่รู้ไม่เห็นจนกว่าผู้บริหารจะตรวจสอบได้เอง
มาร์ค โอเนล ฮิวจ์



แยกไม่ออกระหว่างเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว
คนไทยมักจะไม่รู้ว่าอะไรว่าอะไรคือเรื่องงาน และอะไรที่เรียกว่าเรื่อง
ส่วนตัว พวกเขาชอบเอาทั้งสองอย่างนี้มาปนกันจนทำให้ระบบการทำงาน
เสียไปหมด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งขององค์กร
1. ชอบสอดรู้สอดเห็น โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของเพื่อนร่วมงาน
2. มักจะคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานมากเกินไป บางครั้งทำ
ให้บานปลายและนำ ไปสู่ข่าวลือ และการนินทากันภายใน
สำนักงาน
3. มักจะลาออกจากบริษัทโดยไม่ยอมแจ้งล่วงหน้าตามข้อตกลง แต่
กลับคาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มที่
4. ไม่ยอมรับความผิดชอบที่มีมากขึ้นในช่วงวิกฤติ
5. ต้องการเงินมากขึ้นแต่กลับไม่ค่อยสร้างคุณค่างานอะไรเพิ่มขึ้น
เลย
วิลเลี่ยม แมคคินสัน


No comments:

Post a Comment

Powered By Blogger