@ Anji @

@ Anji @
is me

2.5.12

มะเร็งปากมดลูก

สำหรับมะเร็งปากมดลูกนั้น แม้ว่ามดลูกจะไม่ใช่อวัยวะสำคัญในการดำรงชีวิต แต่ก้อนมะเร็งเฉพาะที่สามารถทำให้เกิดการเสียเลือดทั้งเรื้อรังและรุนแรงที่อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตและยังทำให้เกิดความเจ็บปวดทรมาน ไปจนถึงการกดเบียดท่อไตทำให้ไตวายได้ และอันตรายนอกจากนี้ก็คือการล้มเหลวของอวัยวะที่โรคกระจายไป

 สาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก

          โรคมะเร็งเกิดจากการที่เซลล์ถูกกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นเวลานาน  โดยสารก่อมะเร็งอาจเป็นเชื้อโรคโดยเฉพาะไวรัส สารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ ซึ่งในมะเร็งปากมดลูกนั้นเชื้อไวรัส เอชพีวี (Human Papilloma Virus) เป็นสารก่อมะเร็งที่สำคัญที่สุด

 ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก 

          มะเร็งปากมดลูก มีความเกี่ยวเนื่องกับเพศสัมพันธ์ ผู้มีอัตราเสี่ยงต่อโรคนี้ คือผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ผู้มีบุตรมาก ผู้มีเพศสัมพันธ์กับชายหลายคน ผู้มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีคู่นอนหลายคน และผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องโดยเฉพาะผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี จะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ  5-6 เท่า ส่วนในประเทศที่ผู้ชายได้รับการขริบปลายอวัยวะเพศ จะมีอุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูกลดลง

          สำหรับผู้หญิงที่มีครอบครัวและมีสามีเดียวก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน เพราะโรคมะเร็งปากมดลูกสัมพันธ์กับการบาดเจ็บหรือการระคายเคืองเรื้อรัง โดยเฉพาะถ้ามีบุตรมาก หรือสามีมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี หรือสามีมีคู่นอนหลายคน

มะเร็งปากมดลูก


 อาการของมะเร็งปากมดลูก ตั้งแต่ขั้นต้นจนรุนแรง

          นับเป็นโชคดีอย่างหนึ่งของผู้หญิง ที่มะเร็งปากมดลูกนี้สามารถตรวจได้ง่าย จึงตรวจพบได้ตั้งแต่ก่อนแสดงอาการ และยังสามารถตรวจพบภาวะผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกได้ตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนไปเป็นเซลล์มะเร็ง ดังนั้น หากจะถามว่าอาการของมะเร็งปากมดลูกมีอะไรบ้าง

           ไม่มีอาการ แต่ตรวจพบจากการตรวจภายใน

           การมีเลือดออกทางช่องคลอด ทั้งเพียงเล็กน้อยหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือการมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน การมีเลือดประจำเดือนมาก หรือนานกว่าปกติ

           การมีของเหลวออกทางช่องคลอด หรือตกขาว ทั้งที่เป็นน้ำและข้น เป็นมูก เป็นหนอง มีเลือดปน มีเศษเนื้อปน แม้มีกลิ่นหรือไม่มีกลิ่นก็ตาม

           ในรายที่โรคมีขนาดใหญ่ อาจทำให้เกิดการปวดถ่วงบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะขัด หรือถ่ายอุจจาระลำบาก หรือกดเบียดท่อไตทำให้ไตทำงานผิดปกติ จนอาจถึงไตวายได้

           ในระยะแพร่กระจาย อาจกระจายตามระบบน้ำเหลืองไปยังต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง เกิดอาการปวดหลัง ปวดจุกลิ้นปี่ หรือแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองที่ไหปลาร้า โดยเฉพาะข้างซ้าย และยังอาจกระจายตามกระแสเลือดไปยังปอด ตับ กระดูก และสมองด้วย

 การรักษามะเร็งปากมดลูก

          เนื่องจากมะเร็งปากมดลูก มีธรรมชาติของโรคเป็นการลุกลามเฉพาะที่มากกว่าการแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการรักษาเฉพาะที่ ซึ่งอาจเป็นการผ่าตัดหรือการฉายรังสี โดย การผ่าตัด จะใช้ในระยะ 0 และ 1 โดยระยะ 0 หมายถึงระยะที่โรคเริ่มเกิดที่ชั้นผิวเยื่อบุปากมดลูก ยังไม่ลุกลามลงสู่ชั้นใต้เยื่อบุ จึงอาจตัดออกเฉพาะปากมดลูกอย่างเดียวได้ แต่เมื่อโรคเป็นระยะที่ 1 คือลามลงชั้นใต้เยื่อบุมดลูก ต้องตัดมดลูกออกด้วย แต่การตัดมดลูกอย่างเดียวหรือเลาะต่อมน้ำเหลืองในช่องเชิงกรานออกด้วย ขึ้นอยู่กับความลึกของการลุกลามลงสู่ชั้นใต้เยื่อบุปากมดลูก

          สำหรับการใช้รังสีรักษา ใช้ในการรักษาได้ทุกระยะ ตั้งแต่ 0 ถึง 4 (ระยะแพร่กระจาย) แต่ในระยะ 0 และ 1 จะนิยมใช้การผ่าตัดมากกว่า เพราะการผ่าตัดจะทำให้ได้ชิ้นเนื้อ รวมทั้งมดลูกหรือต่อมน้ำเหลืองมาตรวจ ทำให้ได้ข้อมูลของระยะโรคแม่นยำกว่าการรักษาด้วยรังสี แต่หากผู้ป่วยมีภาวะที่ไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ การรักษาด้วยรังสีก็สามารถให้ผลการรักษาที่ดีไม่แพ้กัน 

          ส่วนเคมีบำบัด มีการใช้ในมะเร็งปากมดลูกที่ก้อนมีขนาดใหญ่หรือลุกลาม โดยให้ร่วมในช่วงการฉายรังสี โดยเคมีบำบัดจะช่วยให้ก้อนมะเร็งตอบสนองกับรังสีดีขึ้น นอกจากนี้ จะใช้ในกรณีที่มีการแพร่กระจายของโรค แต่ผลการรักษาไม่ดีนัก

          ดังนั้น มะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาได้ผลดีในระยะเริ่มต้น แต่แม้ในระยะลุกลามที่โรคยังไม่แพร่กระจายไป  การใช้รังสีร่วมกับเคมีบำบัดก็ยังได้ผลค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับมะเร็งหลายชนิด

มะเร็งปากมดลูก


 การป้องกันมะเร็งปากมดลูก

          การป้องกันโรคมะเร็งชนิดใด ๆ ก็คือการหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งของโรคนั้น ๆ  ซึ่งสำหรับในมะเร็งปากมดลูกก็คือเชื้อไวรัสเอชพีวี  ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกลงกว่า 70% จึงน่าจะมีผลในการลดอุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูกได้ในอนาคต และเพื่อช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุด การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรทำร่วมกับการตรวจคัดกรองเป็นประจำ 

          โดยควรจะเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ เพราะในการเกิดมะเร็งปากมดลูก จะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีเรื้อรัง และเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะอักเสบเรื้อรังที่นำไปสู่มะเร็ง การตรวจคัดกรองจะทำให้สามารถรักษาภาวะผิดปกติต่าง ๆ ก่อนที่จะเกิดเป็นมะเร็ง หรือตรวจพบมะเร็งระยะแรกเริ่ม ที่รักษาให้หายขาดได้ เพื่อป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามหรือแพร่กระจาย

          นอกเหนือจากการฉีดวัคซีนแล้ว ควรมีชีวิตครอบครัวที่ถูกต้องและจะต้องเอาใจใส่ต่อสุขภาพ ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ แม้จะมีอายุมากแล้วและไม่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คือไม่มีประจำเดือนและไม่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยังต้องตรวจคัดกรองตามระยะเวลาที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะช่วยให้หญิงไทยห่างไกลมะเร็งปากมดลูก

No comments:

Post a Comment

Powered By Blogger